หนังครอบครัว Night at the Museum หนังครอบครัว ที่ถึงแม้จะเป็นหนังเก่า แต่ยังคงความสนุก และประทับใจอยู่เช่นเคย

หนังครอบครัว Night at the Museum คือ หนังคอมเมดี้ ผจญภัย ที่เหมาะแก่การดูกับครอบครัว ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นหนังที่มีเนื้อหาสนุก และผสมผสาน ความเป็นคอมเมดี้ กับแฟนตาซีได้อย่างน่าชื่นชม และวิธีการเล่าเรื่องที่เรียบง่าย แต่ทำออกมา ได้สนุกเกินคาด ประกอบกับพล็อตเรื่อง ที่ให้ความรู้สึกน่าติดตาม และสร้างสรรค์ จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นหนึ่งใน หนังครอบครัว ที่ได้รับความนิยม มากที่สุดในทุก ๆ ภาคที่เข้าฉาย

โดยในปัจจุบันนี้ ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้่ ก็ได้สร้างมาแล้วถึง 3 ภาคด้วยกัน โดยทั้งสามภาคนั้น ยังคงใช้แนวเรื่องเดียวกันนั้นก็คือ การเล่าถีงค่ำคืนมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นภายในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ เมื่อเหล่ารูปปั้นที่โชว์ในงาน กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากตะวันตกดิน และสร้างความโกลาหลให้กับ ยามรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ 

หนังครอบครัว โดยเนื้อหาของทั้งสามภาคนั้น เป็น หนังดัดแปลงจากหนังสือ ที่อ้างอิงมาจาก หนังสือเด็ก ที่มีชื่อว่า The Night at the Museum 

ของนักเขียนที่มีชื่อว่า มิลาน เทรน ที่เขียนเอาไว้เมื่อปี 1993 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เอง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ ที่ใช้งบประมาณการสร้างสูงมาก ๆ สำหรับการทำหนัง แนวคอมเมดี้ โดยงบประมาณการสร้าง ทั้งสามภาคนั้นสูงกว่า 387 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสามภาคก็สามารถทำรายได้ ประสบความสำเร็จเ ป็นอย่างสูงเช่นเดียวกัน โดยสามารถทำเงินรวมกันไปกว่า 1.31 พันล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้เอง เราก็จะมานำเสนอข้อมูล เรื่องราวย่อ ๆ ให้แก่ผู้ที่มีความสนใจ อยากจะหาหนังครอบครัว คอมเมดี้ สนุก ๆ เอาไว้ดูกันในช่วงนี้

หนังครอบครัว

Night at the Museum (2006) กำกับภาพยนตร์โดย ชอว์น เลวี ผู้กำกับ หนังแอคชั่น ดราม่า เรื่อง Real Steel

โดย ชอว์น เลวี นั้น ก็ได้รับหน้าที่ในการ กำกับภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้ ทั้งสามภาค โดยนักแสดงหลัก ๆ ในภาคแรกนี้ ก็ได้แก่ เบน สติลเลอร์ นักแสดงนำจาก หนังโรแมนติก คอมเมดี้ เรื่อง Meet the Parents ทีรับบทเป็น แลร์รี่ แดลีย์ ตัวละครหลักของทั้งสามภาค

คาร์ล่า กูจิโน่ นักแสดงจาก หนังอาชญากรรม ไล่ล่า Sin City ที่มารับบทเป็น รีเบคก้า ,ริคกี้ เจอร์เวส นักแสดงนำจากรายการทีวี คอมเมดี้ ดราม่า เรื่องดังอย่าง The Office และโรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ จาก หนังดราม่า โรแมนติก เรื่อง Good Will Hunting ผู้ล่วงลับ มาร่วมแสดง

โดยเนื้อในภาคแรกนี้ จะเล่าถึงชีวิตของแลร์รี่ แดลีย์ ชายผู้ที่ล้มเหลว ไปแทบจะทุกอย่าง ทั้งทางด้านชีวิตคู่ และธุรกิจ จนกลายมาเป็นคนตกงานในเมืองนิวยอร์ก แต่แล้วเขาได้รับเลือกให้ไปทำงาน เป็นยามกะกลางคืน ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ

ซึ่งในคืนที่เขากำลังทำงานอยู่นั้นเอง เขาก็ได้พบเข้ากับเรื่องราว ที่แปลกประหลาด และเหนือธรรมชาติ เมื่อเหล่ารูปปั้น และสิ่งที่ถูกจัดแสดงทั้งหมด เกิดมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และเกิดความโกลาหล ที่วุ่นวายมากจนเกินกว่าจะสามารถควบคุมได้

แลร์รี่ จึงมีหน้าที่ในการค้นหา วิธีที่จะหยุดยั้งความวุ่นวายนี้ และสร้างความเชื่อมั่นในฐานะ ของผู้เป็นพ่อ ให้กับลูกชายของเขาให้ได้ โดยในภาคแรกนี้เอง ถือได้ว่าเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากทุกภาคที่ทำ ด้วยความแปลกใหม่ของเนื้อหา ที่สามารถสร้างได้ทั้งความบันเทิง และความประทับให้ให้แก่ผู้ชมได้ อย่างเหนือความคาดหมาย

ไนท์แอดเดอะมิวเซียม ภาค Battle of the Smithsonian (2009) หนังภาคต่อที่อาจไม่ได้ว้าวเท่าภาคแรก แต่ก็ยังคงเป็นภาคต่อที่สนุกอยู่

หลังจากที่ภาคแรก ประสบความสำเร็จไปอย่างล้นหลาม การสร้างภาคที่สองก็ตามมา แต่ว่าโดยรวมแล้ว ด้วยแกนเรื่องแบบเดิม จึงทำให้ความรู้สึกสดใหม่ และน่าสนใจลดน้อยลงไปพอสมควร ถึงแม้จะมีการเปิดตัวละครใหม่ ๆ เข้ามา แต่ความรู้สึก ก็ยังคงไม่ได้แตกต่าง จากภาคแรกสักเท่าไหร่

ถึงแม้จะยังคงมีส่วนให้ตลก และสนุก แต่ก็ยังดูเหมือนจะขาดเสน่ห์บางอย่าง จากภาคแรกไป โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะเล่าเรื่องถึงเหตุการณ์หลังจากที่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ได้ทำปิดปรับปรุง เหล่าหุ่นที่ถูกจัดแสดงทั้งหลาย

จึงถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ แต่สุดท้ายความอลหม่าน ก็กลับมาเยือนแลร์รี่อีกครั้ง เพราะเจ้าลิงเด็กซ์เตอร์ ดันไปขโมยเอาแผ่นจารึกเวทย์มนต์ มาที่พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ด้วย จึงทำให้เหล่าหุ่น ในที่แห่งนั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถึงแม้แลร์รี่จะกลายไปเป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็ตาม

แต่สุดท้ายแล้วเขา ก็ต้องกลับมาช่วยเหลือเหล่าเพื่อน ๆ ก่อนที่ฟาโรห์คามุนราห์ จะทำการปลุกคืนชีพปีศาจ จากขุมนรกขึ้นมา โดยในภาคนี้นั้น ก็อาจจะน่าผิดหวังไปบ้าง ถึงวิธีการเล่าเรื่อง และบทภาพยนตร์ที่ดูสะเปะสะปะ

และมุกตลกแบบเก่า ที่เคยใช้ซ้ำแล้วในโลกภาพยนตร์ ถึงแม้จะมีการแฝงข้อมูล ที่ช่วยให้การอธิบายประวัติศาสตร์ และประวัติของตัวละคร แทบจะตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกสนุก และอินตามไปมากทั่วไหร่นัก 

หนังครอบครัว

ไนท์แอดเดอะมิวเซียม ภาค Secret of the Tomb บทสรุปสุดท้ายที่ดีที่สุด สำหรับ หนังไตรภาค เรื่องนี้

โดยในภาคสุดท้ายนี้ ก็ยังคงใช้พล็อตเรื่องแบบเดิม กับสองภาคแรก เพียงแต่มีการรวบรวมตัวละครหลัก ๆ จากทั้งสองภาคเข้าเอาไว้ด้วยกัน ถึงแม้เรื่องราว จะพยายามทำให้น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึก ถึงความแปลกใหม่ไม่ได้ แทงบอลออนไลน์

โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะเล่าถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ที่เปิดแสดงใหม่อีกครั้ง แต่แผ่นจารึกเวทย์มนต์ ที่สามารถทำให้สิ่งต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ มีชีวิตได้นั้น เริ่มที่จะเสื่อมสภาพลงไปทุกที มันจึงกลายเป็นสัญญาณเตือน ให้แลร์รี่ได้รู้ว่า มันใกล้จะถึงจุดจบ ของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว แลร์รี่และเหล่าเพื่อน ๆ ทางประวัติศาสตร์ของเขา

จึงได้ร่วมกัน ออกเดินทางไปยังลอนดอน เพื่อหาคำตอบก่อนที่เวทย์มนต์นี้ จะหายไปตลอดกาล โดยในภาคนี้นั้น สำหรับทางด้านบทคอมเมดี้ กับการแสดงของนักแสดงนั้น ทาง airheads.net มองว่าสามารถทำออกมาได้ดี มากยิ่งขึ้นกว่าภาคที่สอง

ถึงแม้อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยม และทำได้ดีเท่ากับภาคแรกก็ตาม แต่เราก็สามารถบอกได้เลยว่าในภาคสุดท้ายนี้ จะเป็นเรื่องราวการผจญภัย ที่สนุก และเหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังจะมองหา หนังดี ๆ สักเรื่องดูอย่างแน่นอน

Click คลิก รีโมตรักข้ามเวลา

เว็บรีวิวหนัง

UFABET

แทงบอลออนไลน์